วันอาทิตย์ที่ 13 กันยายน พ.ศ. 2558

Wayne Rooney

เวย์น มาร์ก รูนีย์ (อังกฤษWayne Mark Rooney; เกิด 24 ตุลาคม ค.ศ. 1985) เป็นนักฟุตบอลชาวอังกฤษ ปัจจุบันลงเล่นและเป็นกัปตันให้กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด และ ทีมชาติอังกฤษ

ประวัติ[แก้]

เวย์น รูนีย์เริ่มเล่นฟุตบอลให้กับเอฟเวอร์ตันตั้งแต่ปี 2001 ในทีมเยาวชนและและได้ลงเล่นให้กับทีมอาชีพ รูนี่ย์ มีบ้านเกิดอยู่ในย่านคร็อกซ์เทธ โดยตอนแรกเขามีความปรารถนาจะเล่นให้เอฟเวอร์ตันมากจึงภาพที่ประทับใจผู้คนคือการสวมเสื้อยืดที่พิมพ์ลายสกรีนว่า "Once a blue, Always a blue"และได้รับแรงบันดาลใจในการฝากตัวเป็นสาวกท๊อฟฟี่เม็นจากครอบครัว และยังคงมีใจให้กับเอฟเวอร์ตันเสมอ ใส่เสื้อหมายเลข 18 นัดที่แจ้งเกิดของเขาคือนัดที่ยิงประตูช่วยให้เอฟเวอร์ตันต้นสังกัดของเขาเอาชนะอาร์เซนอลประมาณปี 2003 หลังจากนั้นรูนีย์ได้ลงเล่นเป็นตัวจริงสม่ำเสมอ จากเดิมที่เป็นนักเตะฝึกหัดของสโมสร ได้รับค่าจ้างเพียง 10 ปอนด์ต่อสัปดาห์ก็ได้รับค่าเหนื่อยเพิ่มขึ้นเป็น 10000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ ฟอร์มการเล่นของเขาได้พัฒนาขึ้นทำให้มีหลาย ๆ สโมสรต้องการเขาไปร่วมทีม จนกระทั่งปี 2004 เวย์น รูนีย์ กลายเป็นนักเตะวัยรุ่นที่มีค่าตัวแพงที่สุดในโลก หลังจากที่เซ็นสัญญาย้ายจาก เอฟเวอร์ตัน มาอยู่กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด โดยต้นสังกัดใหม่จ่ายค่าตัวสูงถึงด้วยค่าตัว 25.6 ล้านปอนด์ หรือประมาณ 1,300 ล้านบาท รูนีย์ประเดิมสนามด้วยเสื้อหมายเลข 8 และได้รับค่าเหนื่อยสูงถึง 75,000ปอนด์ต่อสัปดาห์ นอกจากนี้ยังเล่นให้กับทีมชาติอังกฤษ โดยปัจจุบันสวมเสื้อหมายเลข 10
ในการแข่งขันฟุตบอลโลก ปี 2006 เป็นปีที่ไม่ค่อยดีของเวย์น รูนีย์เท่าใดนัก เพราะในรอบแรกรูนีย์ไม่สามารถลงเล่นได้เนื่องจากมีปัญหาเนื่องมาจากอาการบาดเจ็บ และในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ทีมชาติอังกฤษได้พบกับทีมชาติโปรตุเกส รูนีย์โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม และทีมชาติอังกฤษตกรอบจากการดวลจุดโทษ แฟนบอลและสื่อทีมชาติอังกฤษต่างเพ่งเล็งมาที่คริสเตียโน โรนัลโด เพื่อนร่วมทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดของเวย์น รูนีย์ ซึ่งถูกครหาว่าเป็นตัวการที่ทำให้รูนีย์โดนใบแดง ทำให้สื่อมวลชนกุข่าวว่าเวย์น รูนีย์ ตั้งตนเป็นศัตรูกับโรนัลโดซึ่งอาจส่งผลให้โรนัลโดย้ายทีม แต่อย่างไรก็ดี รูนีย์ได้สยบข่าวลือนั้น ในฤดูกาล 2006 โรนัลโดได้เล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดต่อไป เขากับโรนัลโดเล่นได้เข้าขากันและยังเป็นกำลังหลักของยูไนเต็ดเหมือนเดิม และทั้งสองได้ร่วมกันคว้าแชมป์ยูฟ่าแชมเปียนส์ลีก ในปี 2007 และแชมป์พรีเมียร์ลีก 3 ครั้งติดต่อกันในปี 2007 - 2009 ก่อนที่โรนัลโดจะย้ายออกจากทีมไป ซึ่งในช่วงปี 2007 เวย์น รูนีย์ยังได้เปลี่ยนเสื้อเป็นหมายเลข 10 โดยมีดาวยิงผู้เป็นตำนานสโมสร เดนิส ลอว์ เป็นผู้มอบเสื้อหมายเลข 10 ให้กับรูนีย์อีกด้วย โดยเฟอร์กีได้ให้สัมภาษณ์ในงานแถลงข่าวเปิดตัวนักเตะว่า "ผมตื่นเต้นมาก ผมคิดว่าเราได้ตัวนักเตะหนุ่มที่ยอดเยี่ยมที่สุดในประเทศนี้ในรอบ 30 ปี เลยทีเดียว เราทุกฝ่ายพอใจกับการเซ็นสัญญาครั้งนี้" ในขณะที่ตัวนักเตะเองก็เปิดเผยว่าเขาต้องการเล่นให้กับทีมที่ได้เล่นในแชมเปียนส์ลีก และด้วยเหตุผลนี้เองเขาจึงตัดสินใจมาร่วมทีมทีมยิ่งใหญ่อย่างแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
อันที่จริงแล้ว รูนีย์มีแนวโน้มว่าจะอยู่ที่เมอร์ซีย์ไซด์ต่อ และหากไม่มีการต่อรองจากนิวคาสเซิลยูไนเต็ด ทีมปีศาจแดงก็อาจจะไม่ได้ตัวนักเตะผู้นี้ก็ได้ โดยในขณะนั้นสื่อต่าง ๆ ก็ประโคมข่าวเกี่ยวกับการติดต่อซื้อตัวนักเตะ และนั่นก็สร้างความกดดันให้กับเอฟเวอร์ตันอย่างมาก แต่แม้ว่าพวกเขาจะพยายามรั้งตัวนักเตะไว้ด้วยการเสนอสัญญา 5 ปี กับทีมพร้อมค่าเหนื่อยที่สูงสุดในสถิติของสโมสรคือ 50,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ แต่นักเตะก็ยังไม่ยอมต่อสัญญา
การติดต่อของนิวคาสเซิลทำให้สโมสรอื่น ๆ ต่างก็ตื่นตัวที่จะแย่งชิงนักเตะผู้นี้ด้วย ทั้งแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด, เชลซี และเรอัลมาดริด และไม่กี่วันก่อนตลาดซื้อขายจะปิด เดอะแมกพายส์ก็เริ่มเปิดการเจรจาต่อรองในตัวนักเตะ และมีการเซ็นสัญญากับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดเพียง 4 ชั่วโมงก่อนปิดตลาดเท่านั้น การย้ายทีมของเขาหลังจากที่เล่นให้กับทีมเพียง 2 ฤดูกาลทำให้แฟน ๆ ของพวกเขาโกรธอยู่ไม่น้อย แต่จะทำอย่างไรได้เมื่อการเจรจาครั้งนี้ใช้เงินพูด และสโมสรของเขาเองก็มีหนี้สินมากมาย และก็ไม่มีทางเลือกมากนัก ทำให้ต้องยอมรับข้อเสนอจากแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
รูนีย์ย้ายเข้าสู่โอลด์แทรฟฟอร์ดด้วยค่าตัวเริ่มต้นที่ 20 ล้านปอนด์ที่สโมสรจะจ่ายให้เอฟเวอร์ตันทันที และจะเพิ่มอีก 7 ล้านปอนด์ หากเจ้าหนูรูนีย์โชว์ฟอร์มได้ดีกับสโมสรและทีมชาติ
นัดแรกที่ รูนีย์ ลงเล่นให้กับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด กลายเป็นนัดที่เขาสร้างประวัติศาสตร์อีกนัดหนึ่ง นั่นคือเขาสามารถทำแฮตทริกได้ในนัดแรกที่ลงสนามให้กับทีม และเป็นการยิงประตูเฟแนร์บาห์เช ในเกมแชมเปียนส์ลีก ในวันที่ 28 กันยายน และการยิงประตูนัดแรกในพรีเมียร์ลีก ให้กับทีมปีศาจแดงนั่นก็คือ การยิงประตูอาร์เซน่อล ในวันที่ 24 ตุลาคม 2547 ช่วยให้ทีมเอาชนะไปได้ 2 - 0 ในโรงละครแห่งความฝัน และเป็นประตูฉลองวันเกิดครบอายุ 19 ปี ให้กับเขาในวันนี้ด้วย แล้วก็ทำให้เรดอาร์มีทุกคนได้รู้ว่าฮีโรได้ถือกำเนิดขึ้นแล้ว
หลังจากนั้นไม่นาน พรสวรรค์ของเขาก็เป็นที่รู้จักในระดับนานาชาติ และเขาก็กลายเป็นนักฟุตบอลที่ติดทีมชาติอังกฤษ และได้ลงเล่นด้วยอายุน้อยที่สุดในเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2003 โดยที่เขาลงเป็นตัวสำรองในนัดที่พบกับทีมชาติออสเตรเลียที่ อัพตัน พาร์ค อีกทั้งเขายังเป็นนักเตะที่มีอายุน้อยที่สุดที่ทำประตูให้ทีมชาติได้ด้วยอายุเพียง 17 ปี ในเดือนกันยายน ปี 2003 ในเกมที่พบกับมาซิโดเนีย
ชื่อเสียงของเขาเป็นที่เลื่องลือในระดับโลกในฐานะที่เป็นนักฟุตบอลอายุน้อยที่มีพรสวรรค์โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโชว์ฟอร์มของเขาในฟุตบอลยูโร 2004 ที่โปรตุเกส ในรายการนี้ เขาทำได้ 3 ประตูในการลงเล่น 4 นัด โดยเขาทำประตูได้ในนัดที่พบกับ สวิตเซอร์แลนด์ และ โครเอเชีย และนั่นก็ทำให้เขาเป็นที่สนใจของผู้จัดการทีมหลายต่อหลายทีม รวมทั้ง เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เฝ้ามองฟอร์มของนักเตะผู้นี้มาตั้งแต่เขาอายุได้เพียง 14 ปี และหลังจากเจรจาต่อรองกันเป็นเวลานาน เอฟเวอร์ตันก็ตกลงขายนักเตะผู้นี้ให้กับ แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด
เวย์น รูนีย์ประสบความสำเร็จกับสโมสรแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดอย่างต่อเนื่อง และมีหลายสโมสรต้องการซื้อเขาไปร่วมทีม อาทิ เรอัลมาดริด โดยในปี 2010 รูนีย์ไม่ต่อสัญญากับสโมสรและมีแนวโน้มรวมไปถึงมีข่าวว่าว่าจะย้ายทีม แต่เรื่องนี้ได้จบลงเมื่อรูนีย์ได้เซ็นสัญญาฉบับใหม่โดยไม่เปิดเผยค่าเหนื่อยที่ได้รับ ซึ่งประมาณการณ์ว่าน่าจะสูงถึง 250,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์เลยทีเดียว และปัจจุบันรูนีย์เป็นดาวยิงตลอดกาลของสโมสรอันดับ 3 โดยยิงประตูได้ 221 ประตู (สถิติเมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2557)[3]
ปัจจุบันไม่ประสบความสำเร็จกับทีมจนมีข่าวย้ายทีมไปร่วมทีมอื่น แต่ในวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2014 ได้ตกลงต่อสัญญากับทีมออกไปอีก 4 ปี จนถึงปี 2019 รับค่าเหนื่อย 300,000 ปอนด์ต่อสัปดาห์ และได้รับการคาดหมายว่าจะได้รับหน้าที่กัปตันทีมแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ดคนต่อไปในฤดูกาล 2014-2015 ต่อจากเนมันยา วิดิช ที่ประกาศว่าจะไม่ต่อสัญญากับทีมทีจะหมดหมดอนาคตหลังจบฤดูกาล 2013-2014 ฤดูกาล 2014-15 เวย์น รูนี่ย์ ยิงได้ 14 ประตูรวมทุกรายการ คว้าดาวซัลโวของสโมสร ประจำฤดูกาล 2014-15 ไป และยังเป็นดาวซัลที่ยิงน้อยที่สุดในรอบ 52 ปี
ในฤดูกาล 2014-2015 หลังจากเนมันยา วิดิช ได้ย้ายไปอินเตอร์มิลาน รูนีย์ได้รับแต่งตั้งจากลูวี ฟัน คาล ผู้จัดการทีมให้เป็นกัปตันทีมคนใหม่[4]

ชีวิตส่วนตัว[แก้]

เวย์น รูนีย์สมรสกับคอลีน (สกุลเดิม แม็คลาฟลิน) มีบุตร 2 คน คือ ไค รูนีย์ เกิดเมื่อวันที่ 2 พฤศจิกายน 2009[ต้องการอ้างอิง] และ เคลย์ รูนีย์ นอกจากนั้นเขายังมีน้องชายที่เล่นในตำแหน่งเดียวกันชื่อจอห์น รูนีย์ ที่ปัจจุบันเล่นให้สโมสรฟุตบอลแม็คเคิ่ลสฟิลด์ ทาวน์

สถิติการยิงประตู[แก้]

สโมสร[แก้]

สโมสรฤดูกาลอังกฤษ พรีเมียร์ลีกเอฟเอ คัพลีกคัพยุโรปอื่น ๆ [5]รวม
นัดประตูนัดประตูนัดประตูนัดประตูนัดประตูนัดประตู
เอฟเวอร์ตัน2002–033361032378
2003–043493030409
รวม671540627717
แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด2004–052911632063004317
2005–0636163042514819
2006–07351475101245523
2007–0827124200114104318
2008–0930122110144134820
2009–103226103275114434
2010–112811210094104016
2011–123427120075104434
2012–1326123310613616
รวม2771412917124773154400197
รวมทั้งหมด3441563317186773154477214

ทีมชาติอังกฤษ[แก้]

ทีมชาติอังกฤษ
ปีนัดประตู
2003910
20041120
2005830
200681
200742
200885
200996
2010111
201152
201254
201359
รวม8336

ประตูในนามทีมชาติ[แก้]

Updated to games played 4 June 2014.[6][7]

เกียรติยศ[แก้]

แมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด[แก้]

อ้างอิง[แก้]

  1. กระโดดขึ้น "Premier League clubs submit squad lists" (PDF). Premier League. 2 February 2012. p. 23. สืบค้นเมื่อ 2 February 2012.
  2. กระโดดขึ้น "Wayne Rooney"ManUtd.com. Manchester United. สืบค้นเมื่อ 7 July 2011.
  3. กระโดดขึ้น http://en.wikipedia.org/wiki/List_of_Manchester_United_F.C._players. Missing or empty |title= (help)
  4. กระโดดขึ้น "ไม่พลิก! ตั้ง “รูนีย์” กัปตัน “ผีแดง” คนใหม่". ผู้จัดการออนไลน์. 13 August 2014. สืบค้นเมื่อ 13 August 2014.
  5. กระโดดขึ้น Includes other competitive competitions, including the FA Community ShieldIntercontinental Cup and FIFA Club World Cup.
  6. กระโดดขึ้น "Wayne Mark Rooney – Goals in International Matches"Rec.Sports.Soccer Statistics Foundation. สืบค้นเมื่อ 2 April 2011.
  7. กระโดดขึ้น "Wayne Rooney – Player Report". England Stats. สืบค้นเมื่อ 3 April 2011.

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น